01KTE1S1_16082024.indd
กรุงเทพธุรกิจ
วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567
ktplt@nationgroup.com ต่อข่าว 4
ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ซึ่งมีภาคท่องเที่ยว เป็นส่วนหนึ่งร่วมกับภาคธุรกิจสร้างสรรค์ อื่นๆ จึงน่าจะเห็นการสนับสนุนภาค ท่องเที่ยวใกล้เคียงกับของเดิม” เชื่อรัฐบาลใหม่พร้อมใช้เงินกระตุ้นศก. นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำ� กัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการ ฟังสัมภาษณ์ของพรรคแกนน� ำระบุว่า จะยังคงนโยบายที่ประกาศไว้ ส่วน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ยังคงบริหารใน ทางทางเดิมไหมไม่รู้ แต่ถ้าดูกันตาม โพยน่าจะท� ำงานได้ดีกว่าก่อนหน้านี้ เพราะรัฐบาลชุดก่อนเพิ่งเข้ามาต้อง ไปยุ่งกับการจัดงบประมาณซึ่งใช้เวลา นานกว่าจะอนุมัติงบในสภาฯ แต่รัฐบาล ชุดใหม่ที่เข้ามามีงบฯ ที่ได้รับการอนุมัติ เรียบร้อยแล้วรอใช้อย่างเดียวท� ำให้ การใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง เห็นได้ชัดขึ้น ส่วนโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” 5-6 แสนล้านบาท ที่ใช้เงินภาษีนั้น ตามที่ นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์แล้วระบุว่า หลายประเทศที่ใช้โมเดลนี้กระตุ้น เศรษฐกิจระยะสั้น จีดีพีจะโตระยะสั้น เพียงแค่ครึ่งหนึ่งจากการลงทุน เช่น หาก ใช้ 10 บาท จะได้สูงสุด 5 บาท ซึ่งจะ กระตุ้นเศรษฐกิจแต่เต็มเม็ดเต็มหน่วยไหม ยังไม่แน่ใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ไทยจะ ทำ� โมเดลนี้อย่างไรก็ตามหากไม่มีทุกคน ไม่ต้องเป็นหนี้ 6 แสนล้านบาท เพราะ เงินที่ใช้มาจากภาษีประชาชน เร่งตั้งรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นธุรกิจ นางสาวเขมิกา รัตนกุล นายก สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไทย(TABBA) กล่าวว่าภาคธุรกิจ คาดหวังให้กระบวนการสรรหานายกฯ มีความโปร่งใส และเลือกบุคคลที่ เป็นที่ยอมรับนับถือ นักธุรกิจเชื่อใจ ขณะเดียวกันคณะรัฐมนตรี เชื่อว่ายังมา จากพรรคการเมืองเดิม ส่วนคุณสมบัติ ควรมีการตรวจสอบให้ดี เพื่อไม่ให้เกิด กรณีด้านจริยธรรม และเมื่อมีนายกรัฐมนตรีและ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ภาคธุรกิจ ต้องการให้เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ สานผลงานต่อ ไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะ ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็น เครื่องยนต์หลัก ซึ่งการดึงนักท่องเที่ยว ผ่านมาตรการฟรีวีซ่า ต้องมีความ รอบคอบ ไม่ปล่อยให้ทุนสีเทาแฝงเข้ามา ทำ� ธุรกิจ นอกจากนี้ ยังต้องการให้รัฐบาล ถึงผลักดันเรียล เซกเตอร์ให้มีการเติบโต “อีไอซี” เปิด 3 ซินาริโอ้ เลือกนายกฯ ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า EIC เปิดเผย ฉากทัศน์การเมือง 3 Scenario โดยที่มีโอกาสเป็นไปได้ คือ นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคเพื่อไทย และ อาจมีผลต่อ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 ล่าช้า 0-2 สัปดาห์ และดิจิทัลวอลเล็ต ยังเดินหน้าต่อได้ ธ.ค.นี้ ซึ่งจะกระทบ เศรษฐกิจไทยค่อนข้างน้อย ทั้งนี้ หากมองภาพที่ยาวขึ้นความ ไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง และความ ไม่แน่นอนทางการเมืองจะส่งผลกระทบ ต่อการลงทุน ที่เชื่อมไปยังศักยภาพ การเติบโตของประเทศไทยในระยะยาว มากขึ้น ทำ� ให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น และไม่เห็นภาพถึง Policy direction ของการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ ระยะยาว ได้นายกฯ เร็ว กระทบเศรษฐกิจน้อย ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำ� นักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า มองว่าหากได้ นายกรัฐมนตรีเร็วจะกระทบเศรษฐกิจ ไม่มาก โดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไทยยังมาจากระดับบนและระดับกลาง ขณะที่ระดับล่างอ่อนแอ ดังนั้นต้องการ นโยบายเร่งด่วนทั้งการแจกเงินระยะสั้น เพื่อช่วยค่าครองชีพ และกระตุ้นกำ� ลัง ซื้อระดับล่างเร่งด่วน เช่น การท�ำผ่าน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากนี้ ต้องเร่งสร้างความเชื่อ มั่นเร่งด่วน เพราะปัจจุบันนักลงทุนขาด ความเชื่อมั่นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ ต่างชาติ ที่จะเข้ามาลงทุนในไทยที่ปัจจุบัน ชะลอการลงทุน ดังนั้นหากการตั้งรัฐบาล มีความไม่แน่นอนมากขึ้น อาจท� ำให้ นักลงทุนต่างชาติไปลงทุนประเทศอื่น ดังนั้นรัฐบาลต้องแสดงความชัดเจนและ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติ เร่งด่วน โดยเฉพาะมาตรการเรียก ความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย
กระทรวงการคลัง ที่ตั้งเป้าว่าจะขับเคลื่อน เศรษฐกิจปี 2567 ให้ขยายตัวได้ 3% 2.ภาวะหนี้สูง ทั้งในส่วนของหนี้ครัวเรือน หนี้ภาคเอกชนและหนี้ของรัฐบาล ในส่วน ของหนี้ของภาคครัวเรือน ปัจจุบันคนไทย มีหนี้ครัวเรือนสูงมาก โดยหนี้สูงถึง 16 ล้าน ล้านบาท หรือประมาณ 90.9% ของจีดีพี ส่วนหนี้ภาคเอกชนสูงขึ้นตามภาวะ เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยที่ ทรงตัวระดับสูงเป็นเวลานานธนาคารแห่ง ประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าคุณภาพสินเชื่อ หนี้เสีย (NPL)ไตรมาส 1 ปี 2567 ปรับ เพิ่มขึ้นเป็น 5.02 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสก่อนหน้า 9.8 พันล้าน หรือเพิ่มขึ้น เป็นสัดส่วน 2.74% ต่อสินเชื่อรวม ทั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากการจัดชั้นเชิง คุณภาพของสินเชื่อธุรกิจและเมื่อแยกตาม ขนาดธุรกิจ พบว่าสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และ SME คุณภาพด้อยลงทั้งคู่ โดย หนี้ที่ด้อยลงใน SME มาจากภาคค้าปลีก และค้าส่ง ขณะที่หนี้ภาครัฐก็ถือว่าอยู่ในภาวะ ที่ใกล้กับกรอบเพดานความยั่งยืนทางการ คลังที่ไม่เกิน 70% ของจีดีพี โดยภายหลัง ครม. มีมติชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2568-2571) ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 เพื่อเพิ่มวงเงินดำ� เนินโครงการดิจิทัล วอลเล็ตในงบประมาณรายจ่ายประจ� ำปี ส่ง ผลให้หนี้สาธารณะปี 2567 เพิ่มเป็น 65.7% ของจีดีพี และปี 2571 เพิ่มเป็น 68.6% ใกล้ เพดานที่ 70% ของจีดีพี ภูมิรัฐศาสตร์โลกกดดันส่งออกไทย 3.ความท้าทายของภาคการส่งออก จาก สถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ โลก และปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ท� ำให้ภาคการส่งออกซึ่งมีผลต่อจีดีพีไทย มากจะได้รับผลกระทบช่วงที่เหลือของปี ทั้งนี้การส่งออกในเดือน มิ.ย.เริ่มมี สัญญาณชะลอตัวโดยมีมูลค่า 24,769.6 ล้านดอลลาร์ หดตัวลง 0.3% เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปี 2566 ส่วนการน� ำเข้า มูลค่า 24,578.5 ล้านดอลลาร์ เกินดุล 218 ล้านดอลลาร์ ขณะที่บรรยากาศการค้าโลก เริ่มมีความวิตกกังวลต่อแนวโน้มการใช้ มาตรการกีดกันทางการค้า ส่วนภาพรวม 6 เดือนแรกของปี 2567 มีมูลค่า 145,290 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 การนำ� เข้า มีมูลค่า 150,532.6 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 3% ดุลการค้า 6 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 5,242.7 ล้านดอลลาร์ ราคาพลังงานสะเทือนค่าครองชีพ 4.ปัญหาราคาพลังงานรัฐบาลใหม่จะต้อง รับมือกับความผันผวนของราคาพลังงานใน ตลาดโลกเนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อราคา ค้าปลีกนำ�้ มันในประเทศ รวมทั้งส่งผลกระทบ ต่อราคาค่าไฟฟ้าในงวดต้นปี 2568 ที่อาจ งานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคาร กสิกรไทย กล่าวว่า กระแสเงินทุนต่างชาติ ที่ไหลเข้าพันธบัตรไทยเป็นเพียงการเข้ามา ชั่วคราว และคาดว่าการประชุมประจำ� ปีของ เฟดที่แจ๊คสันโฮลในช่วงปลายเดือนนี้ น่าจะ มีสัญญาณที่ท� ำให้ตลาดลดความคาดหวัง ต่อการผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐลง บอนด์ไทย‘ต่างชาติ’ขายสุทธิ 8 พันล้าน ขณะที่ ตลาดตราสารหนี้ต่างชาติ ขายสุทธิ 8,832 ล้านบาท เป็นการขายตราสารหนี้ระยะสั้น 12,407 ล้านบาท และซื้อตราสารหนี้ ระยะยาว 3,575 ล้านบาท เนื่องจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ อาจ เริ่มพิจารณาหนีออกจากตลาดตราสารหนี้ ของเมืองไทย ด้วยจากปัจจัยกดดันทั้งการ ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังตรึง อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูง สวนทาง แนวโน้มตลาดภูมิภาค บวกกับปัจจัยเสี่ยง ทางการเมืองไทยล่าสุด ดังนั้น อาจท� ำให้ ตลาดตราสารหนี้ของไทยน่าดึงดูดน้อยลง นางสาวศิรินารถ อมรธรรม ผู้อำ� นวยการ อาวุโส ฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ สมาคม ตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ส่วนใหญ่จะเป็นบอนด์ระยะสั้น ขณะที่ ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่า จึงน่าจะเป็น การขายทำ� กำ� ไรจากค่าเงินบาท จากช่วงก่อน หน้าที่เข้ามามากจนท�ำบาทแข็งค่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า วานนี้ (15 ส.ค.) เงินบาทกลับมายืนในฝั่งที่อ่อน ค่ากว่าแนว 35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ อีก ครั้ง หลังข้อมูล CPI เดือนก.ค. ของสหรัฐ
ต่อข้อถามว่า ได้ดูหน้าตาคณะรัฐมนตรีที่จะ มาท� ำงานร่วมกันหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้โหวต คงต้องรบกวน พรรคร่วมด้วยในวันที่ 16 ส.ค. เมื่อถามถึง การเดินหน้าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จริงๆ ต้องรับฟังคิดเห็นกันต่อไป และขณะนี้ยัง ไม่โหวตนายกฯเลย จึงจะขอลงรายละเอียด อีกครั้งขณะนี้เท่าที่ได้คุยกับพรรคร่วมฯ ก็ พร้อมรับฟังความคิดเห็นในเรื่องนี้ มติเพื่อไทยเสนอชื่อ “แพทองธาร” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนจะได้ข้อสรุป ในการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร เมื่อเย็น วันที่ 14 ส.ค.พรรคเพื่อไทยได้นัดประชุม แกนน� ำพรรคร่วมรัฐบาลขั้วเดิม ที่บ้าน จันทร์ส่องหล้า โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ� จัดตั้งรัฐบาลเช่น เดิม และพร้อมสนับสนุนนายกฯ คนใหม่ จากเพื่อไทย ซึ่งเวลานั้นมีการระบุชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เพื่อให้พรรคร่วมนำ� ไปพิจารณา ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 15 ส.ค.พรรคการเมือง ที่ร่วมหารือได้ประชุมชี้แจงต่อ สส.ของพรรค เพื่อกำ� หนดท่าที ขณะที่แกนนำ� พรรคเพื่อไทย ได้หารือกันในเวลา 08.00 น.ก่อนชี้แจงและ ทำ� ความเข้าใจต่อที่ประชุม สส.ของพรรคที่ สภาฯในเวลา 10.00 น.เช่นกัน และปรากฏ ว่า ท่าที สส.เพื่อไทย ต้องการสนับสนุน น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ มากกว่า นายชัยเกษม จึงได้มีมติเพื่อให้กก.บห.พรรค พิจารณาโดยด่วน กระทั่งในเวลาต่อมา ได้มีการประชุมกก.บห.และในที่สุดได้มี มติเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ตามข้อเสนอ ของ สส. สอดคล้องกับท่าทีแกนนำ� และสส.พรรค ร่วมฯ ที่ต้องการสนับสนุน น.ส.แพทองธาร เช่น กัน จึงเป็นข้อสรุป และนำ� มาสู่การแถลงร่วม กันของ 9 พรรคการเมือง ณ อาคารชินวัตร3 พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ที่ประกาศความ พร้อมในการเป็นนายกฯ คนต่อไป 6โจทย์เศรษฐกิจ“นายกฯ”ใหม่ นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ที่จะเข้ามา บริหารประเทศต่อจากนายเศรษฐา ที่พ้นจาก ตำ� แหน่งตามคำ� ตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา จะต้องเผชิญ กับความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายข้อ ได้แก่ 1.การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย โดย เฉพาะในภาคการบริโภค ภาคการผลิตที่ชะลอ ตัว รวมทั้งภาคการส่งออกที่เศรษฐกิจโลก ชะลอตัวลง ซึ่งท�ำให้ในปี 2567 เศรษฐกิจ ไทยจะขยายตัวได้ประมาณ 2.4% ตามการ ประมาณการของส�ำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งต�่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลเพื่อ ไทยที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจ ขยายตัวได้เฉลี่ย 5% ต่อปี รวมทั้งเป้าหมายของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ ผลกระทบ โดยเฉพาะเมื่อภาวะสุญญากาศ ทางการเมืองที่ลาวยาวขึ้นจะทำ� ให้เกิดความ ไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และทิศทางของนโยบาย” ขณะเดียวกัน นักลงทุนบางส่วนยัง มองเป็นโอกาสในการขายท� ำก� ำไร หลัง จากที่ดัชนีตลาดตราสารหนี้ไทยโดยบลูม เบิร์กระบุอัตราผลตอบแทนสูงถึง 6.8% ใน ไตรมาสนี้ หรือสูงที่สุดในภูมิภาคเป็นรอง เพียงแค่มาเลเซียเท่านั้น ทั้งนี้ จากรายงานข้อมูลของธนาคาร กรุงไทย (KTB) และ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2567 ถึงปัจจุบัน (QTD) มีฟันด์โฟลว์ไหล เข้าในตลาดตราสารหนี้ไทยแล้ว 1,926.50 ล้านดอลลาร์ (YTD +656.4 ล้านดอลลาร์) หรือสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของภูมิภาครองจาก จีน ฟิลิปปินส์ และอินเดีย บลูมเบิร์ก ระบุว่า กองทุนทั่วโลกแห่ เข้าซื้อตราสารหนี้ไทยในไตรมาสนี้ หลัง จากที่มีเงินไหลออกไปถึง 4 ไตรมาสจาก ทั้งหมด 5 ไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ แนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือน ก.ย.นี้ ยังกระตุ้นให้กองทุนทั่วโลกแห่ซื้อพันธบัตร ระยะสั้นเพื่อเก็งกำ� ไรในสกุลเงินท้องถิ่น ส่ง ผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปแล้วถึงราว 5% ในไตรมาสนี้ โดยประมาณ 55% ของเงินทุน ไหลเข้าจากต่างประเทศทั้งหมดในไตรมาส นี้ เป็นการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น ด้านนายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหาร
ซึ่งออกมาตามที่ตลาดคาด ทำ� ให้โอกาสความ เป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย นโยบายมากกว่า 25 basis points น้อยลง นอกจากนี้ ราคาทองค� ำในตลาดโลก ที่ปรับตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมา (สวนทางเงิน ดอลลาร์ฯ ที่ฟื้นตัวขึ้น) รวมถึงสถานการณ์ ทางการเมืองในประเทศที่มีประเด็นติดตาม ต่อเนื่อง เพิ่มแรงกดดันให้เงินบาทอ่อนค่า กลับมาด้วยเช่นกัน ด้านสกุลเงินเอเชียอื่นๆ เงินเยนยัง เคลื่อนไหวในกรอบอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อ เทียบกับเงินดอลลาร์ แม้ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567 ของญี่ปุ่นจะออกมาดีกว่าตัวเลข คาดการณ์ของตลาด ขณะที่เงินหยวนอ่อนค่าลง เช่นกัน เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ค. ของจีนที่ออกมาแม้ยอดค้าปลีกจะขยายตัว ดีกว่าคาด แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรม เติบโตตำ�่ กว่าที่คาดและตำ�่ สุดในรอบ 4 เดือน ส� ำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของ เงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.00-35.25 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัย ส�ำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุน ต่างชาติ สถานการณ์การเมืองในประเทศ ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2 ปี 2567 ของอังกฤษ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงตัวเลข เศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วย จ� ำนวน ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ตัวเลขการผลิตภาค อุตสาหกรรมเดือนก.ค. และผลสำ� รวจภาค การผลิตเดือนส.ค. ของเฟดสาขานิวยอร์ก และฟิลาเดลเฟีย ปรับเพิ่มขึ้นได้หากราคาก๊าซธรรมชาติ มีการปรับตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ส� ำหรับราคาน�้ ำมันและก๊าซธรรมชาติ ช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับขึ้นตาม สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และดีมานด์น�้ ำมันที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส ที่ 3-4ปีนี้ โดยสถานการณ์ราคาน�้ ำมันดิบ เดือน ส.ค.-ก.ย.ปีนี้ มีแนวโน้มสูงขึ้นจาก ความต้องการใช้น�้ ำมันเพิ่มขึ้นช่วงฤดูขับขี่ ในสหรัฐและอุปทานที่ยังตึงตัวจากการ ควบคุมก�ำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ จากรายงานของส� ำนักงานพลังงาน สากล (IEA) มองความต้องการใช้น�้ ำมัน ไตรมาส 3 ปีนี้ เพิ่มขึ้น 0.97 ล้านบาร์เรล ต่อวัน เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะเทศกาลท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อน โดย เฉพาะภูมิภาคตะวันตก โดยความต้องการ ใช้น�้ำมันไตรมาส 3 ปีนี้ อาจจะมีจุดสูงสุด ของราคาที่ระดับ 104.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล ปัจจุบันกองทุนน�้ ำมันเชื้อเพลิงที่เป็น เครื่องมือในการควบคุมราคานำ�้ มันเชื้อเพลิงใน ประเทศมีสถานะติดลบกว่า 1.1 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลจะใช้กลไกกองทุนนำ�้ มันในการ พยุงราคาน�้ ำมันดีเซลไม่ให้เดิน 33 บาท ต่อดอลลาร์ไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค.2567 สินค้าจีนกระหน�่ำผู้ประกอบการไทย 5.ปัญหาสินค้าจากต่างประเทศตี ตลาดไทย ปัญหานี้ถือเป็นปัญหาท้าทาย ของรัฐบาลที่จะเข้ามาทำ� งานโดยเฉพาะการ เข้ามาตีตลาดของสินค้าจากประเทศจีน ซึ่ง ถือเป็นสิ่งที่เอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไข เนื่องจากส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนของ ไทยมาก ทั้งนี้คณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)สรุปข้อมูล 6 เดือนแรก ของปี 2567น� ำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นถึง 7.12% (YoY) คิดเป็นมูลค่ากว่า 37,569.89 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า จากจีน -19,967.46 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15.66% (YoY) ส่งผลกระทบกับภาคการ ผลิตกว่า 23 กลุ่มอุตสาหกรรม อีกทั้งยังถูกซ�้ ำเติมจากแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซที่เข้ามาเปิดตลาดในประเทศ โดยขายสินค้าจากโรงงานตรงสู่ผู้บริโภค ในราคาถูก ซึ่งเป็นการค้ารูปแบบใหม่ของ จีน ยิ่งกดดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 6.การขึ้นค่าจ้างขั้นต�่ ำ ซึ่งรัฐบาลได้ มีการประกาศว่าจะมีการปรับค่าจ้างขั้นต�่ ำ ทั่วประเทศในปีนี้เป็น 400 บาทต่อวัน ใน วันที่ 1 ต.ค.2567 หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการ ขึ้นค่าจ้างขั้นต�่ ำ 400 บาทต่อวันน� ำร่องใน 10 จังหวัดท่องเที่ยวแต่การปรับขึ้นค่าจ้าง ขั้นต�่ ำถือว่าเป็นความท้าทายเนื่องจาก ผู้ประกอบการจะมีต้นทุนในการประกอบการ เพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบ ในปัจจุบัน
ต่อจากหน้า 1
ต่อจากหน้า 1
เอกชน
ระเบิดเวลา
ทั้งนี้ นางสาวแพทองธารจะเป็น คนรุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อระหว่างเด็กวัยรุ่น กับผู้สูงอายุ ถือเป็นข้อต่อที่ดี และ มีพลังสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง คือ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นพี่เลี้ยง ใกล้ชิดที่สุด นายเกรียงไกร กล่าวว่า การดำ� เนิน นโยบายมองว่าหากเป็นพรรคเดิม จัดตั้งรัฐบาล อย่างน้อยเชื่อว่านโยบาย หลายยังคงด�ำเนินการต่อเนื่อง แต่อาจ จะไม่ใช่ทุกโครงการ เพราะจากเวลา หนึ่งสู่เวลาหนึ่ง และจากเงื่อนไขหนึ่ง สู่เงื่อนไขหนึ่ง บางโครงการที่อาจจะมี ความเสี่ยงหรือล่อแหลมต่อเรื่องของ การผิดกฎหมาย หรืออาจเสี่ยงถูกฟ้องร้อง น� ำไปสู่การถูกด� ำเนินคดีก็อาจจะต้อง ทบทวน นอกจากนี้นี้ ต้องยอมรับว่าจาก คดีทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ที่ล่าสุดเป็นคดีของนายเศรษฐา ที่ต้องพ้นจากต� ำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งจากประสบการณ์ของพรรค เพื่อไทยตั้งแต่อดีตจนล่าสุดคงจะต้อง พยายามเลี่ยงประเด็นที่มีความเสี่ยง ด้านกฎหมาย ทั้งนี้ ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีจาก พรรคเพื่อไทยถูกฟ้องในแต่ละคดี รวมถึงคดีที่พรรคถูกฟ้องร้องในอดีต ได้ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีต้องพ้นจาก ต� ำแหน่งหลายคน ซึ่งถือเป็นการสุ่ม เสี่ยงและหลังจากนี้คงมีการระมัดระวัง ด้านกฎหมายเป็นพิเศษ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธาน กรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ� จัดตั้งรัฐบาล ผนวกกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมต่อ ซึ่ง เชื่อว่าการแบ่งสัดส่วนรัฐมนตรีน่าจะ ใกล้เคียงเดิม ส่วนแนวนโยบายคงไม่ เปลี่ยนแปลงนักทำ� ให้นโยบายเศรษฐกิจ ถูกขับเคลื่อนต่อเนื่อง ซึ่งจะสร้างความ เชื่อมั่นให้คนไทยและนานาชาติ ดังนั้น สิ่งที่หอการค้าฯ เน้นย�้ำ คือ 1.ควรมีการเลือกนายกรัฐมนตรี และจัดตั้ง ครม.ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และคัดสรรรัฐมนตรีที่สามารถท� ำงาน ได้อย่างต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของ ประชาชน 2.เร่งขับเคลื่อนนโยบายโดยเฉพาะ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และเร่งรัดการใช้งบประมาณปี 2567 ควบคู่ไปกับการเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของไทย ทั้งการเดินหน้า เจรจาขยายตลาดใหม่ (FTA) เพื่อ ส่งเสริมการค้าและการส่งออก ของไทย นายกฯคนใหม่ต้องสานต่อนโยบายทันที นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ และในฐานะนายกสมาคม นักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เปิดเผยว่า การที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ� รัฐบาล และเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้เร็ว ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องเป็นบุคคลได้ รับการยอมรับจากประชาชน และมี ศักยภาพในการสานต่อนโยบายบริหาร ประเทศได้ทันที ส่วน ครม.และรัฐมนตรีจะเป็น คนเดิมหรือคนใหม่หรือสลับขั้วการเมือง มองว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อนโยบายรัฐบาล ที่ก� ำลังด� ำเนินการ และเชื่อว่ายังท� ำให้ เดินหน้าต่อได้ เช่น โครงการดิจิทัล วอลเล็ตและกองทุนวายุภักษ์ 1 ซึ่งหวังว่า จะยังมีและมองว่าไตรมาส 4 ปี 2567 เศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทยควรฟื้นตัว ต่อได้หลังจากบรรยากาศการลงทุนทั่ว โลกในขณะนี้เริ่มนิ่ง และบรรยากาศการ ลงทุนเริ่มกลับมาบ้างแล้ว โจทย์ท่องเที่ยว“อุ๊งอิ๊ง”เตรียมรับไฮซีซัน นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า แม้นางสาวแพทองธาร ยังไม่ เห็นผลงานเด่นชัดแต่ข้อดีคือมาจาก พรรคเพื่อไทย น่าจะสานต่อการทำ� งาน จากนายเศรษฐา ส่วนรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็ต้องรอลุ้นว่าจะเป็นนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นั่งเก้าอี้เดิมหรือไม่ “การเปลี่ยนนายกฯ มาเป็น นางสาวแพทองธาร ไม่น่าจะท� ำให้ ภาคท่องเที่ยวซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลัก สร้างรายได้แก่เศรษฐกิจไทยสะดุด ประกอบกับนางสาวแพทองธาร เป็น ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์
หัวหน้าพรรคประชาชาติ, นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา, นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา, นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรค ไทรวมพลัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ร่วมกันแถลงข่าว เริ่มต้นด้วย นายสรวงศ์ เลขาฯพรรค เพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้พวกเราทุกคนใน นามพรรคร่วมรัฐบาล มีจุดยืนเดียวกัน หลัง จากที่ประชุมกก.บห.เพื่อไทย มีมติเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯคนที่ 31 ของ ประเทศ การที่ประธานสภาฯ เชิญประชุม วันที่ 16 ส.ค.เพื่อเลือกนายกฯ ก็จะเสนอชื่อ โดยพรรคเพื่อไทย และมีพรรคร่วมรัฐบาล ทุกพรรคให้ความเห็นชอบ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ พรรคร่วมรัฐบาลเดิมพร้อมหนุน จากนั้นแกนน� ำพรรคร่วมรัฐบาล ได้ กล่าวสนับสนุน อาทิ นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ เป็นสปิริตของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นคือ นายเศรษฐา ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ พวกเราทุกคน พร้อมใจกันเพื่อทำ� ให้ไม่เกิดความชะงักของ การบริหารราชการแผ่นดินและประเทศ เรา จึงพร้อมใจกันให้พรรคเพื่อไทยในฐานะที่ เป็นพรรคแกนนำ� เป็นผู้ที่จะเสนอชื่อบุคคล ที่พร้อมดำ� รงตำ� แหน่งนายกฯ และให้พรรค ร่วมฯ ทุกพรรคได้รับทราบ คือการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร เพื่อให้สภาฯ ให้ความเห็น ชอบในวันที่ 16 ส.ค. พรรคภูมิใจไทยยินดีอย่างยิ่ง เมื่อช่วง เช้าที่ผ่านมาได้ประชุม สส.และกก.บห. ซึ่ง เมื่อทราบว่าเป็น น.ส.แพทองธารก็ยิ่งมี ความมั่นใจว่าภายใต้การน� ำของว่าที่นายกฯ น.ส.แพทองธาร เราทุกคนก็พร้อมสนับสนุน และให้ความร่วมมือเต็มที่ พร้อมปฏิบัติตาม นโยบายของว่าที่นายกฯ นับตั้งแต่วันแรกที่ ด�ำรงต�ำแหน่งอย่างเป็นทางการ ต่อมา น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายเศรษฐา อดีต นายกฯที่ไม่ได้คาดฝันแต่ประเทศต้องไปต่อ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ� ตั้งรัฐบาล วันนี้มี ความพร้อมผลักดันประเทศต่อ ตนมั่นใจ ในพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมทุกพรรคที่ จะนำ� พาประเทศให้หลุดพ้นวิฤติเศรษฐกิจ การมารวมตัววันนี้เพื่อให้ประชาชนได้เห็น ว่า เรามีความตั้งใจ มุ่งมั่น พร้อมเพรียง กัน ผลักดันให้ประเทศไปต่อ ขอบคุณทุก ท่านที่มารวมตัวกัน และตกลงกัน ท�ำเพื่อ ประเทศชาติต่อไป เมื่อถามว่า นอกจากมติ กก.บห.พรรคแล้ว ได้อาสาตัวรับไม้ต่อจากนายเศรษฐาใช่หรือ ไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวยอมรับว่า “ใช่” กรุงเทพธุรกิจ • นักวิเคราะห์ต่างชาติ ชี้ตลาดบอนด์ไทยอาจไม่ได้ไปต่อ หลังเพิ่ง ฟื้นตัวติดกลุ่มท็อปภูมิภาค เหตุแบงก์ชาติ ตรึงดอกเบี้ยสูง บวกความเสี่ยงการเมือง รอบล่าสุด ฉุดไทยน่าสนใจน้อยกว่าเพื่อน บ้าน กดดันบอนด์ไทย ‘ต่างชาติ’ ขายสุทธิ 8 พันล้าน สำ� นักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า บรรดา นักลงทุนต่างชาติ อาจเริ่มพิจารณาหนีออก จากตลาดตราสารหนี้ของไทย เนื่องจากการ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคง ตรึงดอกเบี้ยในระดับสูงสวนทางแนวโน้ม ภูมิภาค บวกกับปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง ล่าสุด อาจท�ำให้ตลาดตราสารหนี้ของไทย น่าดึงดูดน้อยลง เรื่องนี้อาจเป็นจุดพลิกผันต่อความ รู้สึกของนักลงทุน หลังจากที่ตลาดตราสาร หนี้ไทย เพิ่งจะฟื้นตัวได้โดยมีทุนไหลเข้าถึง ราว 1,700 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ หรือ สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา และทำ� ให้ ตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มี ผลงานดีที่สุดในภูมิภาค บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ปีนี้ จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเกาหลีใต้ อินเดีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งจะ ท� ำให้ตลาดตราสารหนี้ของประเทศเหล่า นี้ น่าดึงดูดกว่าประเทศไทย ที่คาดว่าอาจ “ในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้ ตลาดตราสารหนี้ ไทยอาจไม่สามารถท� ำผลงานได้ดีกว่า ประเทศอื่นๆ ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่เอเชีย เนื่องจากเป็นที่คาดว่าไทยจะมีการปรับลด อัตราดอกเบี้ยช้ากว่าที่อื่น และคาดว่าจะลด เพียงแค่ 0.5% เท่านั้นในปี 2568” เจนนิเฟอร์ กุสุมา นักกลยุทธ์ด้านอัตราดอกเบี้ยเอเชีย จากธนาคาร ANZ กล่าว “ความเชื่อมั่นของต่างชาติน่าจะได้รับ จะเริ่มลดดอกเบี้ยในปีหน้า ตลาดบอนด์ไทยเข้าสู่วิกฤติ
‘ตลาดบอนด์ไทย’หมดเสน่ห์ การเมืองซ�้ำเติม-ลดดอกเบี้ยช้า
Made with FlippingBook flipbook maker